อัลมิตราพูดขึ้นว่า ได้โปรดบอกเราถึงเรื่อง'ความรัก'
และท่านก็เงยศีรษะขึ้นมองดูฝูงชน เขาเหล่านั้นเงียบกริบ ท่านพูดด้วยเสียงอันดังว่า
เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป
แม้ว่าทางของมันนั้น จะขรุขระและชันเพียงไร
และเมื่อปีกของมันโอบรอบกายเธอ จงยอมทน
แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นจะเสียดแทงเธอ
และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม
แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ ดังลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกลาญไปฉะนั้น
#####
เพราะแม้ขณะที่ความรักสวมมงกุฎให้เธอ มันก็จะตรึงกางเขนเธอ และขณะที่มันให้ความเติบโตแก่เธอนั้น มันก็จะลิดรอนเธอด้วย
แม้ขณะเมื่อมันไต่ขึ้นไปสู่ยอดสูง และลูบไล้กิ่งก้านอันแกว่งไกวในแสงอรุณ
แต่มันก็จะหยั่งลงสู่รากลึก และเขย่าถอนตรงที่ยึดมั่นอยู่กับดินด้วย
#####
ความรักจะรวบรวมเธอเข้าดังฝักข้าวโพด
มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า
แล้วมันก็จะล่อนเพื่อให้เธอหลุดจากเปลือก
มันจะบดเธอจนเป็นผงขาว
แล้วก็จะขยำเธอจนอ่อนเปียก
แล้วมันก็จะนำเธอเข้าสู่ไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของมัน เพื่อว่าเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้า
#####
ความรักจะกระทำสิ่งทั้งหมดนี้แก่เธอ เพื่อว่าเธอจะได้หยั่งรู้ความลับของดวงใจแก่เธอเอง และด้วยความรู้นั้น เธอก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของดวงใจแห่งชีวิตอมตะ
#####
แต่ถ้าหากด้วยความกลัว เธอมุ่งแต่แสวงหาความสงบสุขและความสำราญจากความรัก
ก็จะเป็นการดีกว่า ที่เธอควรจะปกคลุมความเปลือยเปล่าของตนและหลีกหนีออกไปเสียจากลานบด
ไปสู่โลกอันไร้ฤดูกาล ที่ซึ่งเธอจะหัวเราะก็ไม่เต็มที่ และจะร้องไห้ก็ไม่เต็มที่
#####
~ จาก 'ปรัชญาชีวิต' โดยคาลิล ยิบราน (ระวี ภาวิไล ถอดความ)
(สำนักพิมพ์ผีเสื้อ, หน้า 25-27)
No comments:
Post a Comment